วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552

paypal ดีจริงหรือ




เป็นสมาชิกใหม่นะคะ ยินดีที่ได้รู้จัก แต่วันนี้อยากมาแบ่งปันเรื่อง paypal หน่อย หุุหุ ใครว่า paypalดี เราคนนึงค่ะที่เคยชอบมาก จนกระทั่ง...

paypal เป็นระบบ payment method ที่ค่่อนข้างใหม่ของเมืองไทย แต่ต่างประเทศมีมานานมากๆแล้ว และข้อเสียของมันมีมากๆเช่นกันค่ะ ขอบอก

ตอนนี้เราอยู่ต่างประเทศนะคะเปิดร้านขายของออนไลน์จำพวกกระเป่าแบรนด์เนม และ fashion accessories มาปีกว่าๆได้แล้ว แต่ขอไม่เปิดเผยชื่อเว้ปกับร้านนะคะว่าที่ไหน รายได้ค่อนข้างดียิ่งช่วงสิ้นปีรับออเดอร์แทบไม่ทัน เรารับ paypal กับ bank deposit แรกๆผ่านไปด้วยดี จนกระทั่งเมื่อสามเดือนก่อน เจอ paypal charge back case ถึงกับมึนติ๊บว่ามันคืออะไรหว่า

paypal ส่งเมลล์มาว่ามีลูกค้าฝรั่งชื่อ .......... ร้องเรียนทาง credit card company แล้วทาง credit card company มาร้องเรียน paypal อีกทอดนึง บอกยอดเงินจำนวน $/// (คิดเป็นเงินไทยประมาณเจ็ดพันบาท) ที่ลูกค้าซื้อของกับทางร้านเราเป็น payment แบบ unauthorised payment แปลเป็นไทยว่า เป็นการจ่ายเงินที่ไม่ถูกต้องไม่ได้รับการอนุญาตจากเจ้าของบัญชี paypal

ก็มันจะไม่ถูกต้องได้ไงอ่ะ เราคุยกับลูกค้าตลอด ตอนซื้อ ลูกค้ายังบอกเลยสินค้าร้านเราน่ารักดี

แล้วรู้มะว่าทันที่ paypal อีเมลล์เรามานะ มันยึดเงินในบัญชีเราทันทีเลย จำนวนเงินเท่ากับลูกค้าซื้อของที่ร้านเรา paypal บอกว่าต้อง investigate ถ้าเค้าพิสูจน์ได้ว่าเราชนะ คือลูกค้าโกหก เราจะได้คืน แต่ถ้าเค้าพิสูจน์ทางลูกค้าชนะ ( พิสูจน์แบบผิดๆไง) เราจะไม่ได้เงินคืน บอกอีกนะว่าให้เราส่งหลักฐานต่างๆเช่น proof of postage, tracking nos เรารวบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเมล์อื่นๆอีกจิปาถะ รวมได้เกือบสิบแผ่น ส่งไปให้ paypal แต่ทุกวันนี้ผ่านมาเกือบสามเดือน ยังไม่ไปถึงไหน สรุปเงินเราเจ็ดพันบาทยังถูก paypal ยึด เราก็ทำใจแล้วล่ะว่าอาจจะไม่ได้คืน เพราะ paypal มันเข้าข้าง buyers มากกว่า sellersไง ทั้งๆที่หลักฐานเราแน่นมากๆ ใครๆเห็นหลักฐานที่เราส่งไปก็บอกว่าเราจะชนะ แต่นี่เป็นไง ทุกวันนี้ยังสอบสวนไม่เสร็จ บอกว่าอีกเกือบเดือนกว่าจะรู้ผล
เราเมลล์กลับไปหาลูกค้านะประมาณห้ารอบได้ บอกว่าทำไมถึงทำแบบนี้กับเรา เราบอกของก้อได้ไปแล้ว ทำไมไปคอมเพลนว่าไม่ได้ซื้อของจากเรา แต่ แป่ววว ไม่มีการตอบรับจากคุณเธอทั้งสิ้น สรุปนะเราคิดว่าที่ลูกค้าทำแบบนี้เพราะไม่มีตังค์ เพราะตอนที่ลูกค้าจ่ายเงินให้เรา คุณเธอจ่ายผ่านเครดิตการ์ด พอผ่านๆเดือนสองเดือน บิลเครดิตการ์ดมาเก็บไม่มีเงินจ่ายก็หาเรื่องเลยบอกยอดจำนวนเจ็ดพันบาทที่จ่ายให้กับ seller นี้ ไม่รู้ว่ามาได้ไง เพราะไม่เคยซื้อ

คนซวยคือ sellers ทั้งหลายค่ะ เคสเราไม่ใช่เคสแรกนะ supplier ที่ส่งของให้เราที่อยุ่ต่างประเทศเจอ paypal chargeback case เหมือนกันเมื่อเมษาปีที่แล้ว สูญเงินไปประมาณ หกหมื่นบาทไทย ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปหลายวัน ของเราหกพันกว่ายังแค่เบาะๆ

พวก sellers ฝรั่งยิ่งกว่านี้ บางครั้งสูญเงินเป็นแสนๆเลยนะ อยากรู้รายละเอียดลองไป search เอาค่ะหาไม่ยากหรอก ใช้คียเวิรด์ว่า paypal horror stories จะขึ้นมาเพียบบบบ

ตอนนี้เราขยาดกับ paypal เลยนะ แต่ก็ยังใช้อยู่เพราะเวลาสั่งของมันสะดวกไง เวลามีออเดอร์เข้ามา พยายามบอกลูกค้าว่าให้จ่ายเข้าบัญชีแต่ลูกค้าบางคนก้อชอบใช้ paypal น่ะเพราะสะดวกและส่งของได้เร็ว

สรุปนะคะ ถ้าคุณเป็นผู้ซื้อสินค้า paypal จะดีมากๆเลยสำหรับคุณ แต่ถ้าคุณเป็น seller หรือผู้รับตังค์ paypal อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด อย่างที่หลายๆคนบอกเอาไว้ว่า paypal favours buyers, or paypal absolutely doesn't have SELLER PROTECTION POLICY

>>>>>
สำหรับผมนั้น มี"ความจำเป็น"ที่ต้องใช้ paypalครับ,เพราะขายของอยู่ในอีเบย์ ไม่มีก็คงไม่ได้

กรณี Charge Back นี่,ตอนนี้, แถบจะถือเป็นปัญหาโลกแตกสำหรับนักขายไปซะแล้วครับ


ขอสรุปสั้นๆให้เข้าใจง่ายๆนะครับ

กรณีนี้คือ การที่ลูกค้าโทรไปบอกกับบัตรเครดิตตัวเองว่า
บัตรฉันถูกขโมยไปรูดโดยฉันไม่ได้ยินยอม,ฉันไม่ได้รับสินค้าจากการจ่ายเงิน, สินค้าไม่ถูกต้องตามที่สั่ง
และสารพัดข้ออ้างที่เกิดได้จริงและไม่จริง
ทางบัตรเครดิตก็จะไปดึงเงินคืนจากทางเพพาลอีกทีหนึ่งครับ
และพอเพพาลเจอดึงเงินคืน มันก็จะมาล็อคบัญชีของเรา ห้ามถอน ห้ามโอน จนกว่าจะหมดเรื่อง
แล้วก็จะเจอการเรียกหลักฐานแบบที่เจ้าของกระทู้เจอนั้นแหล่ะครับ
มักจะเจอกับการซื้อขายที่มีราคาสูง,เรียกว่าผู้ซื้อที่ดึงเงินกลับนั้น บางทีได้ทั้งของ(เพราะส่งไปแล้ว)และได้เงินคืน
กลุ่มมิจฉาชีพจำนวนมากจึงชอบใช้วิธีนี้กับการซื้อขายในต่างประเทศ เพราะตามตัวเอาเรื่องและพิสูจน์หลักฐานยากครับ

แต่คงต้องบอกว่า ผู้ขายแทบจะเสียเปรียบผู้ซื้อกันเห็นๆ เหมือนผู้ใหญ่ต่อยกับเด็กอนุบาลเลยครับ
สู้แล้วก็ไม่ค่อยชนะคดี, ยิ่งถ้าเป็นผู้ขายที่ไม่ใช่อเมริกาด้วยแล้ว เพพาลยิ่งไม่เข้าข้างใหญ่เลยครับ
เพราะเขาต้องปกป้องคนของชาติเขาก่อนซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกชาติเขาต้องทำก่อน
และประวัติของพวกต่างชาติแถบๆเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ติดบัญชีดำเรื่อง ขายของผิดลิขสิทธิ์ จนฝรั่งเขาเหม็นขี้หน้าจะแย่แล้วครับ
ดังนั้นถ้าเจอกรณีแบบนี้ และตรวจเจอว่ามีการขายที่ออกแนวผิดๆด้วย รับรองว่าผู้ซื้อชนะคดีเกือบๆจะแน่นอนครับ

ต้องขอบอกนะครับว่า กรณีCharge Back นี้,ไม่จำเป็นต้องเป็นเพพาลเท่านั้นนะครับ
สามารถทำได้ทุกที่ที่มีการจ่ายด้วยบ้ตรเครดิตครับ
ยกตัวอย่างเช่น
ผมไปเติมน้ำมัน แล้วโทรบอกบัตรเครดิตว่า บัตรผมหาย โดนขโมย,ทางบัตรก็สามารถที่จะระงับการจ่ายและดึงเงินกลับมาให้ผมได้
ถ้าปัมพ์น้ำมันที่ผมไปเติมเกิดหล่ะหลวม ไม่ได้จดทะเบียนรถผมไว้, งานนี้ผมได้เติมน้ำมันฟรีครับ
ดังนั้นผมจะไปซื้อของที่ห้างหรูๆแล้วอ้างเหตุผลที่ชอบด้วยสิทธิ, ผมก็ดึงเงินกลับได้สบายๆ
ปัญหาคือ ทางเพพาลนั้น อยู่ที่เมืองนอก การพิสูจน์หลักฐานมันยาก และที่สำคัญคือมักมีกรณีเข้าข้างลูกค้าจนผู้ขายแพ้ทั้งๆที่มีหลักฐานมากกว่าครับ

ป.ล.
คนที่ใช้วิธี้นี้ ไม่ได้จำกัดแค่ของมีราคาเท่านั้นนะครับ
เซฟเวอร์ที่ให้เล่น World Of warcarft เถื่อน และอนุญาตให้คนจ่ายเงินในรูปแบบ"บริจาค"(Donation)เพื่อไอเทมพิเศษที่"แรง"แบบโคตรเทพ
ยังโดนลูกค้าที่จ่ายเงินแล้วทำการ Charge Back เลยครับ Undecided
นี้ขนาด"บริจาค"นะครับ ยังขอเงินคืนได้เลย...... Cry

ทางเซฟเวอร์เถื่อน ยังต้องออกประกาศ ไม่รับการบริจาคจากประเทศเยอรมัน ที่ชอบทำการดึงเงินกลับเลยครับ
ขนาดเกมส์เถื่อนยังโดน,พวกขายของแบบเราๆจะไปเหลือเหรอครับ

>>>>>>>>

ถูกต้องเลยครับ ถึงเราจะมีเครื่องรูดบัตรเครดิตการ์ดเองที่บ้าน เจอ case แบบนี้ บริษัทเครดิตการ์ดก็จะตรวจสอบเราเหมือนที่ paypal ทำ และเราก็มีโอกาสแพ้สูง วิธีการพิจารณามันเหมือนๆ กัน เอาเป็นว่าถ้าผู้ซื้อจ่ายเงินผ่าน credit card ผู้ขายเสียเปรียบเวลามีเรื่องครับ

ถ้าอยากลดปัญหาก็อาจจะต้องเปลี่ยนวิธีรับเงินเป็น western union (แต่เชื่อได้ว่าลูกค้าส่วนมากไม่ใช้วิธีนี้)

สำหรับวิธีการป้องกันตัวเองจากลูกค้านิสัยไม่ดีพวกนี้ เท่าที่เห็นคนขายใน ebay ทำ ก็ พยายามไม่ส่งของไปประเทศที่มีความเสี่ยงโดนโกงสูง เช่น อินโดนีเซีย, รับเงินจาก paypal account ที่ verified แล้ว และส่งของตาม confirmed address ที่ตรงกับ account เท่านั้น... อาจจะช่วยลดความเสี่ยงในการโดน charge back ได้ครับ

สำหรับผม ยังไง paypal มันก็ยังเป็นช่องทางที่ work ที่สุดในการรับส่งเงินกับคนต่างประเทศ ถึงจะบ่นว่าค่าธรรมเนียมแพงไปหน่อย แต่บอกตรงๆ ว่ายังหาบริการอื่นที่ถูกและดีกว่าไม่ได้เลย ยิ่งระบบของไทยไม่ต้องพูดถึง เราขายของเก็บตังค์ได้ ยังมีการ hold เงินเราไว้เป็นเดือนก่อนจะเบิกได้ แถมจำกัดอีก ว่าถอนได้ไม่เกินกี่ %, ฯลฯ
>>>>>>>>>
อืม.. เป็นเรื่องแชร์ที่ดีมากๆ เลยครับ

ผมว่ามันเหมือนดาบ 2 คมเน้อะ อย่างว่าถ้าตั้งใจโกง คนขายเสียเปรียบมาก


ผมแชร์ด้านผู้ซื้อให้ฟังบ้างครับ

ผมว่ามองในด้านดีก็มี ผมก็เคยดึงเงินกลับเช่นกัน โดยให้บัตรเครดิตช่วย

เนื่องจากผมซื้อ host แบบ 1 ปี พอใกล้สิ้นปี ผมไปยกเลิก host ล่วงหน้าเรียบร้อย

แต่พอเริ่มต้นปีถัดไป ผมถูกหักเงินจากบัตรเครดิตจาก host ดังกล่าว อีก 1 ปี แบบ auto renew

เซ็งซิครับ...


ดีที่บัตรเครดิตเข้าใจ แต่เขาไม่ได้ช่วยเราทันทีนะครับ

เขาจะต้องให้เรา email คุยกับเจ้าของสินค้า(host)ก่อน ผมก็ email ไป แต่ไม่มีการตอบกลับมา

ทางบัตรเครดิตจึงส่งเอกสารตรวจสอบยอดเงินนั้นมาให้เราเซ็นต์

เพื่อให้ทราบว่ายอดเงินนี้จะติดในบิลเราโดยไม่คิดเงินจนกว่าจะ clear ได้

พร้อมให้กรอกรายละเอียด เพื่อให้บัตรติดต่อทาง host

แต่ถ้าเราผิดจริง เราจะโดนชาร์ตค่าธรรมเนียมจากทางบัตรด้วย


ผ่านไปเกือบ 3 รอบบิล ยอดค้างนั้นหายไป พร้อมๆ กับผมได้รับ email จากทาง host ว่า

ขอบคุณที่ใช้บริการ host เรา และหวังว่าคุณจะกลับมาใช้บริการเราอีก

เป็น host นอกยี่ห้อดังซะด้วย


ผมคิดว่าคงได้เงินคืนแน่อยู่แล้ว เพราะผมยกเลิก auto renew ล่วงหน้าเกือบ 2 เดือน

แล้วก่อนหน้านั้นธุรกรรมใดๆ บนโฮสผมก็ไม่ได้เข้าไปทำเลย

อ้อ! แต่ก่อนที่ทางบัตรจะช่วย หลังจากฟังเรื่องเราเข้าต้องขอเราวางสายก่อน

เพราะขอเวลาเช็คย้อนหลังวางเรามี bad cradit รึเปล่า

ค่อนข้างประทับใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะหลังจากเกิดเรื่อง

พอ claer แล้ว ทางบัตรก็สอบถามข้อมูลส่วนตัวเราอีกเล็กน้อย

พร้อมกับรับบัตรใหม่ภาพใน 1 อาทิตย์ สุดยอดไปเลย!


**************

ในด้านผู้ขายอย่างกระเป๋าผมว่าพิสูจน์ยากว่าลูกค้าได้รับของจริงๆ ไหม

ส่วนนึงเขาคงต้องเช็คย้อนหลังลูกค้า(บัตร)คนนั้นเช่นกัน

ผมว่าเขาอาจถังแตกปลายเดือนอย่างว่าจริงๆ นะครับผมว่า ^ ^

ถ้าเป็นสินค้า download ผมว่าการคืนเงินคงไม่ซีเรียส

แต่ก็น่าเห็นใจจริงๆ สำหรับผู้ที่ขายของจริงๆ จับต้องได้ อย่างกระเป๋าแล้วถูกเรียกเงินคืนนะครับ

เพราะของถูกส่งไปแล้ว
>>>>>>>.

ต้องขอบอกนะครับว่า กรณีCharge Back นี้,ไม่จำเป็นต้องเป็นเพพาลเท่านั้นนะครับ
สามารถทำได้ทุกที่ที่มีการจ่ายด้วยบ้ตรเครดิตครับ

เข้าใจคะว่า กรณี charge backนี้ ไม่จำเป็นต้องเกิดกับ paypal เท่านั้น แต่อย่างน้อยถ้าเกิดในกรณีจากการที่ลูกค้าจ่ายบัตรเครดิตโดยตรงโดยไม่ได้ผ่าน paypal อย่างน้อยโอกาสที่จะชนะคดีมีสูงกว่า (หรือป่าวคะ ได้ยินมาอย่างนั้นนะ)

เพราะถ้า กรณี charge back จาก paypal ผู้ชื้อจะไม่สามารถติดต่อกับบริษัทเครดิตการ์ดกับของผู้ขายโดยตรงได้เลย ไม่รู้แม้กระทั่งว่าลูกค้าใช้เครดิดการด์อะไรด้วยซ้ำ เพราะpaypalจะจัดการเองหมด เราเพียงแค่ส่งหลักฐานไปให้ paypal เท่านั้น แต่เราจะรู้ได้ไงว่า paypalมีระบบสอบสวนแบบมืออาชีพ?

แล้วอีกอย่าง paypal เป็นใคร Bank ก็ไม่ใช่ เราจะรู้ได้ไงว่า สอบสวนถูกหรือผิดวิธี ถ้ามืออาชีพจริงผู้ขายคงไม่แพ้คดีกันระนาวหรอกมั้งคะ

เราขายของอยู่ออสเตรเลียค่ะ แล้วลูกค้าฝรั่งคนนี้ก็อยู่ออสเตรเลียเหมือนกัน นี่ประมาณอีกสามสัปดาห์จะรู้ผล แต่บอกตรงๆเลยว่าทำใจแล้วว่าจะไม่ได้เงินคืน เพราะเพื่อนๆเราหรือ supplier ที่โดน chargeback caseมา ไม่มีใครชนะสักคนเลยค่ะ Cry ทั้งๆที่หลักฐานมากมาย

ตอนนี้ก็คือบอกลูกค้าเลยค่ะว่าถ้าจ่ายโดยโอนเงินเข้าบัญชี (เพราะลูกค้าเกือบร้อยเปอร์เซนต์อยู่ประเทศเดียวกันค่ะ) จะมีส่วนลดให้ห้าเปอร์เซนต์จากราคาเต็ม แต่ถ้าลูกค้าจะจ่ายผ่าน paypal จะชาร์จเพิ่มสี่เปอร์เซนต์คือค่า paypal charge ได้ผลเหมือนกันนะ

Western Union ไม่ค่อยมีลูกค้าโอนกันหรอกค่ะ เพราะ

1.ค่าธรรมเนียมแพง ถ้าสินค้าราคาถูก ค่าโอนอาจแพงกว่าค่าของ Smiley

2.ลูกค้าก็ไม่ไว้ใจคนขาย กลัวโอนเงินแล้วคนขายเผ่น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก

ClustrMaps

ค้นหาบล็อกนี้